เทคนิคการ ร้อยไหม เเบบไหน? ที่คุณหมอของเราใช้ ยกกระชับหน้า?
การ ร้อยไหม ยกกระชับหน้าให้ได้ประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย นอกจากตัวผลิตภัณฑ์จะต้องผ่านการรับรองอย่างถูกกฎหมายแล้ว สิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่านั้นเลยก็คือ แพทย์ผู้ให้บริการ จะต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น เพราะการร้อยไหมให้ถูกต้องแม่นยำ จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝน และเข้าใจถึงกลไกของผิวหนังเป็นอย่างดี เพื่อให้การยกกระชับได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น และเหมาะสมกับรูปหน้าของแต่ละคน โดยในบทความนี้ เราจะมาเผยถึงเทคนิคที่แพทย์นิยมใช้ในการร้อยไหมโครงตาข่ายกัน
ไหมโครงตาข่าย ดีอย่างไร ?
- เป็นนวัตกรรมที่ออกแบบตัวไหมให้มีความพิเศษกว่าไหมแบบอื่น มาพร้อมเงี่ยงหนามรอบทิศทาง และเส้นไหมถูกห่อหุ้มด้วยโครงตาข่าย ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะ ทนต่อแรงต้านทาน ทำให้ยกกระชับหน้าได้ดี และยังให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี
- การร้อยไหมโครงตาข่าย เพียง 1 เส้น เทียบเท่ากับการร้อยไหมปกติถึง 2 เส้น นั่นจึงหมายความว่า สามารถช่วยยกกระชับได้มากกว่าการร้อยไหมทั่วไป ถึงแม้จะใช้จำนวนเส้นไหมที่น้อยกว่าก็ตาม
- ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นแก้ไขหางตาตก ยกแก้มที่ห้อยย้อยให้กระชับ ปรับรูปหน้าให้ดูดีเข้ารูปได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังเกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว
- เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่ก็สามารถยกกระชับหน้าได้ทันทีหลังทำ และใช้เวลาเพียง 20-30 นาที
- วัสดุ PDO (Polydioxanone) ที่ใช้ผลิตตัวเส้นไหม มีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดสารตกค้างใต้ชั้นผิว และย่อยสลายได้เองตามกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย

เทคนิคการร้อยไหมโครงตาข่ายด้วย ZIG-ZAG TECHNIQUE
สำหรับเทคนิคที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญนิยมใช้ในการร้อยไหมโครงตาข่าย ที่มีชื่อว่า ZIG-ZAG TECHNIQUE นั้น คือการใช้เส้นไหมร้อยเข้าไปในผิวหลาย ๆ ครั้ง และร้อยซ้ำในทิศทางสลับฟันปลา (Zig-Zag) โดยเทคนิคนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแรง และความสามารถในการตรึงเนื้อเยื่อผิวของไหมโครงตาข่ายได้มากขึ้น ซึ่งมีหลักการพื้นฐาน ดังนี้
- เริ่มจากการร้อยไหมโครงตาข่ายครั้งแรกผ่านเข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนัง ตามแนวที่แพทย์ประเมินไว้
- เมื่อไหมถูกร้อยเข้าสู่ผิว เงี่ยงของไหมโครงตาข่ายจะเกี่ยวดึงกับเนื้อเยื่อ และกระตุ้นให้เนื้อเยื่อโดยรอบเข้ามายึดเกาะผ่านรูของไหมโครงตาข่าย
- เส้นไหมส่วนที่เหลือจากครั้งแรกจะไม่ถูกตัดทิ้ง แต่จะใช้ถูกร้อยเข้าไปอีกครั้งด้วยเทคนิคสลับฟันปลา
- แพทย์จะทำการร้อยไหมเส้นอื่นด้วยวิธีเดียวกัน ในทิศทางที่ขนานกัน จนครบตามจำนวนที่แพทย์ได้กำหนดไว้
- หลังจากร้อยไหมเสร็จแล้ว จะสังเกตได้เลยว่าผิวมีการยกกระชับขึ้นทันที

จะเห็นได้ว่าเทคนิคที่ใช้ในการร้อยไหม มีส่วนช่วยในการส่งเสริมประสิทธิภาพของเส้นไหมได้มากเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น หากใครที่สนใจการร้อยไหมโครงตาข่าย ควรเลือกเข้ารับบริการกับแพทย์ที่มีความชำนาญ เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์อันน่าประทับใจ และปลอดภัย ไม่เสี่ยงให้เกิดอันตรายหรือผลข้างเคียงตามมานั่นเอง
บทความอื่นๆที่ใกล้เคียง

การ ร้อยไหม ยกกระชับหน้าให้ได้ประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย นอกจากตัวผลิตภัณฑ์จะต้องผ่านการรับรองอย่างถูกกฎหมายแล้ว สิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่านั้นเลยก็คือ แพทย์ผู้ให้บริการ จะต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น เพราะการร้อยไหมให้ถูกต้องแม่นยำ จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝน และเข้าใจถึงกลไกของผิวหนังเป็นอย่างดี เพื่อให้การยกกระชับได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น และเหมาะสมกับรูปหน้าของแต่ละคน โดยในบทความนี้ เราจะมาเผยถึงเทคนิคที่แพทย์นิยมใช้ในการร้อยไหมโครงตาข่ายกัน
ไหมโครงตาข่าย ดีอย่างไร ?
- เป็นนวัตกรรมที่ออกแบบตัวไหมให้มีความพิเศษกว่าไหมแบบอื่น มาพร้อมเงี่ยงหนามรอบทิศทาง และเส้นไหมถูกห่อหุ้มด้วยโครงตาข่าย ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะ ทนต่อแรงต้านทาน ทำให้ยกกระชับหน้าได้ดี และยังให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี
- การร้อยไหมโครงตาข่าย เพียง 1 เส้น เทียบเท่ากับการร้อยไหมปกติถึง 2 เส้น นั่นจึงหมายความว่า สามารถช่วยยกกระชับได้มากกว่าการร้อยไหมทั่วไป ถึงแม้จะใช้จำนวนเส้นไหมที่น้อยกว่าก็ตาม
- ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นแก้ไขหางตาตก ยกแก้มที่ห้อยย้อยให้กระชับ ปรับรูปหน้าให้ดูดีเข้ารูปได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังเกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว
- เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่ก็สามารถยกกระชับหน้าได้ทันทีหลังทำ และใช้เวลาเพียง 20-30 นาที
- วัสดุ PDO (Polydioxanone) ที่ใช้ผลิตตัวเส้นไหม มีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดสารตกค้างใต้ชั้นผิว และย่อยสลายได้เองตามกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย

เทคนิคการร้อยไหมโครงตาข่ายด้วย ZIG-ZAG TECHNIQUE
สำหรับเทคนิคที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญนิยมใช้ในการร้อยไหมโครงตาข่าย ที่มีชื่อว่า ZIG-ZAG TECHNIQUE นั้น คือการใช้เส้นไหมร้อยเข้าไปในผิวหลาย ๆ ครั้ง และร้อยซ้ำในทิศทางสลับฟันปลา (Zig-Zag) โดยเทคนิคนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแรง และความสามารถในการตรึงเนื้อเยื่อผิวของไหมโครงตาข่ายได้มากขึ้น ซึ่งมีหลักการพื้นฐาน ดังนี้
- เริ่มจากการร้อยไหมโครงตาข่ายครั้งแรกผ่านเข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนัง ตามแนวที่แพทย์ประเมินไว้
- เมื่อไหมถูกร้อยเข้าสู่ผิว เงี่ยงของไหมโครงตาข่ายจะเกี่ยวดึงกับเนื้อเยื่อ และกระตุ้นให้เนื้อเยื่อโดยรอบเข้ามายึดเกาะผ่านรูของไหมโครงตาข่าย
- เส้นไหมส่วนที่เหลือจากครั้งแรกจะไม่ถูกตัดทิ้ง แต่จะใช้ถูกร้อยเข้าไปอีกครั้งด้วยเทคนิคสลับฟันปลา
- แพทย์จะทำการร้อยไหมเส้นอื่นด้วยวิธีเดียวกัน ในทิศทางที่ขนานกัน จนครบตามจำนวนที่แพทย์ได้กำหนดไว้
- หลังจากร้อยไหมเสร็จแล้ว จะสังเกตได้เลยว่าผิวมีการยกกระชับขึ้นทันที

จะเห็นได้ว่าเทคนิคที่ใช้ในการร้อยไหม มีส่วนช่วยในการส่งเสริมประสิทธิภาพของเส้นไหมได้มากเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น หากใครที่สนใจการร้อยไหมโครงตาข่าย ควรเลือกเข้ารับบริการกับแพทย์ที่มีความชำนาญ เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์อันน่าประทับใจ และปลอดภัย ไม่เสี่ยงให้เกิดอันตรายหรือผลข้างเคียงตามมานั่นเอง